13-4-25 ยารา ขนาด 25 กิโลกรัม
การจัดส่ง:
1) Flash Express (ค่าจัดส่งคำนวณในขั้นตอนการชำระเงิน)
2) รับสินค้าด้วยตนเองที่บริษัท (จันทร์-เสาร์ 8.00 - 17.30 น.)
3) ใช้บริการจัดส่งอื่น เช่น Grab Express
13-4-25 ยารา ขนาด 25 กิโลกรัม
รายละเอียดสินค้า
- ยาราเรก้า 13-4-25
- เป็นปุ๋ยเม็ด เอ็นพีเค ละลายน้ำได้ดีมากถึง 99 %
- และเมื่อละลายแล้วจะมีอนุภาคเล็กกว่า 40 ไมโครเมตรอยู่มากกว่า 90 % ทำให้สามารถใช้ได้อย่างเหมาะสมกับการให้ปุ๋ยในระบบน้ำในการเกษตรของประเทศไทย
- โพแทสเซียมในยาราเรก้า เป็นโพแทสเซียมซัลเฟต 100% มีคลอไรด์ต่ำมากๆ ทำให้เหมาะสำหรับพืชที่อ่อนแอ ต่อคลอไรด์ ช่วยควบคุมการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลของพืช
- ประกอบด้วยจุลธาตุ คือโบรอน และสังกะสี โบรอนทำให้พืชแข็งแรงจากภายใน สังกะสีทำให้พืชต้านทานสภาวะเครียด
- การผสมปุ๋ย : ใช้ยาราเรก้า 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน ก่อนนำไปใช้ร่วมกับการให้น้ำในพืช ควรมีการคนให้ดีเมื่อมีการละลายปุ๋ยเพื่อการละลายที่เร็วขึ้น
- ยาราเรก้า เหมาะที่จะใช้คู่กับ ยาราเทร่า แคลซินิต (แคลเซียมไนเตรต ละลายน้ำ100%)
- คำเตือน : ไม่ควรผสม ยาราเรก้า และยาราเทร่า แคลซินิตพร้อมกัน ควรมีถังแยก 2 ถัง ในการละลายปุ๋ยก่อนนำไปใช้ในระบบน้ำ
คุณสมบัติ
- ปุ๋ยเม็ด เอ็นพีเค ละลายในน้ำ ได้ 99%
- ใช้ได้ทั้งหว่านทางดิน และให้ไปกับระบบน้ำ
- ปุ๋ยซัลเฟต มีค่าดัชนีความเค็มต่ำ
ปริมาณธาตุอาหารรับรอง
- ไนโตรเจนทั้งหมด (N) 13 %
- ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ (P2O5) 4 %
- โพแทสเซียมที่ละลายนํ้า (K2O) 25 %
ปริมาณธาตุอาหารรอง
- แมกนีเซียม (Mg) 0.2%
- กํามะถัน (S) 9.0%
ปริมาณธาตุอาหารเสริม
- สังกะสี (Zn) 0.08%
- โบรอน (B) 0.08%
คุณประโยชน์
- ไนโตรเจน ช่วยให้พืชเติบโตได้ดี ต่อเนื่องและรวดเร็ว
- ฟอสฟอรัส สารพลังงานของพืช ส่งเสริมการแตกราก
และออกดอก - โพแทสเซียม ควบคุมการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลของพืช
ช่วยเพิ่มทั้งขนาดและคุณภาพผลผลิต - แมกนีเซียม ช่วยให้พืชใบเขียวสังเคราะห์แสงได้ดี
- กำมะถัน สร้างกรดอะมิโน โปรตีนและวิตามินในพืช
- เม็ดปุ๋ยสีขาว เทคโนโลยีการเคลือบเม็ดแบบใหม่ ละลายได้ไวเมื่อใช้ทางดิน (ภายใน 24 ชั่วโมง) เมื่อเปรียบเทียบกับปุ๋ยเอ็นพีเคทางดินทั่วๆ ไป สามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบ
พืชที่แนะนำ : พืชผัก พืชไร่ และพืชหัว
อัตราที่ใช้ วิธีใช้ และระยะเวลาที่ใช้
สําหรับหว่านทางดิน
ไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน ลําไย มะม่วง มังคุด น้อยหน่า องุ่น ส้ม มะนาว มะพร้าว ขนุน สับปะรด และไม้ผลอื่นๆ ใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อปรับปรุงคุณภาพของผล หลังจากเริ่มติดผลใหม่ๆ โดยใส่ทุก 1-2 เดือน ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 250-800 กรัมต่อต้น ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ขนาดและอายุของต้นไม้ที่ปลูก กรณีที่ไม้ผลนั้นติดผลแล้ว ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 1-3 กิโลกรัมต่อต้น เพื่อบํารุงผลให้สมบูรณ์ การใส่ปุ๋ยเคมีทุกครั้งจะต้องใส่ปุ๋ยเคมีรอบๆ ตามแนวรัศมีพุ่มใบ พรวนดินกลบเม็ดปุ๋ยเคมี และตามด้วยการให้นํ้า
พืชผัก หอม กระเทียม แตงต่าง ๆ มะเขือเทศ ผักกาดหัว ผักกินหัว และพืชอื่นๆ ครั้งแรกใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านให้ทั่วแปลงก่อนปลูก หรือหลังจากย้ายกล้าประมาณ 7 วัน ครั้งที่สองใส่ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) อัตรา 30-40 กิโลกรัมต่อไร่ หรือปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 15-20 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อพืชอายุ 20-30 วันหรือย้ายกล้า
อ้อย ใส่ปุ๋ยครั้งแรกพร้อมปลูก หรือหลังตัดแต่งตอ 1 เดือน โดยใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ และใส่ครั้งที่สองเมื่ออ้อยอายุ 3-4 เดือน โดยในดินเหนียว-ร่วนเหนียวใช้ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่ ในดินทราย-ร่วนปนทรายใช้ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อมีความชื้นเหมาะสม โดยโรยข้างแถวปลูกแล้วพรวนกลบ
สําหรับละลายนํ้าให้พร้อมกับระบบนํ้า
ไม้ผล เช่น เงาะ ทุเรียน ลําไย มะม่วง มังคุด น้อยหน่า องุ่น ส้ม มะนาว มะพร้าว ขนุน สับปะรด และไม้ผลอื่น ๆใช้ปุ๋ยเคมี อัตรา 80-100 กิโลกรัมต่อไร่ปรับปรุงคุณภาพของผล หลังจากเริ่มติดผลใหม่ๆ โดยใช้ปุ๋ยจํานวน 3-5 กิโลกรัมละลายนํ้าปริมาณ 20 ลิตร ในถังละลายปุ๋ยแล้วปล่อยไปกับระบบนํ้า ทุกๆ 3-5 วัน ตลอดช่วงการเจริญของผล จนถึงระยะ 1 เดือนก่อนเก็บเกี่ยว และสามารถใช้อัตราเดียวกันในช่วงหลังเก็บเกี่ยวเพื่อบํารุงต้นและใบให้สมบูรณ์ จนถึงช่วงก่อนออกดอก
พืชผัก เช่น หอม กระเทียม แตงต่างๆ มะเขือเทศ ผักกาดหัว ผักกินหัว และพืชอื่นๆ ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 20-50 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใช้ปุ๋ยจํานวน 3-5 กิโลกรัมละลายนํ้าปริมาณ 20 ลิตร ในถังละลายปุ๋ยแล้วปล่อยไปกับระบบนํ้า ทุกๆ 3-5 วัน หลังปลูกเมื่อผักมีอายุได้ 10-14 วัน
พืชไร่ เช่น อ้อย ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 50-80 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี โดยใช้ปุ๋ยจํานวน 3-5 กิโลกรัมละลายนํ้าปริมาณ 20 ลิตร ในถังละลายปุ๋ยแล้วปล่อยไปกับระบบนํ้า ทุกๆ 5-10 วัน หลังปลูกอ้อยประมาณ 1 เดือน
พืชหัว เช่น มันฝรั่ง ใช้ปุ๋ยเคมีอัตรา 50-80 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี โดยใช้ปุ๋ยจํานวน 3-5 กิโลกรัม ละลายนํ้าปริมาณ 20 ลิตร ในถังละลายปุ๋ยแล้วปล่อยไปกับระบบนํ้าทุกๆ 5-10 วัน หลังปลูกประมาณ 20 วัน
คำแนะนำการละลายเพื่อหลีกเลี่ยงการตกตะกอนและการอุดตัน
- ใช้ยาราเรก้า 1 ส่วนต่อน้ำ 9 ส่วน ก่อนนำไปใช้ร่วมกับการให้น้ำในพืช (10% W/V)
- ควรทำการคนให้ดีเมื่อมีการละลายปุ๋ยเพื่อการละลายที่เร็วขึ้น ถ้ามองเห็นความขุ่นคือส่วนสารที่เคลือบเม็ดปุ๋ยเท่านั้น ไม่ใช่เนื้อปุ๋ยที่ไม่ละลาย
- น้ำที่ใช้ควรมีค่าความเป็นกรด-ด่างอยู่ในช่วง 5.0-6.2 หลีกเลี่ยงน้ำที่เป็นด่างและมีเหล็กที่ละลายได้ละลายอยู่มาก (ควรมีเหล็กที่ละลายได้น้อยกว่า 0.2 ppm) เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตกตะกอนของปุ๋ยและไปอุดตันท่อหรือหัวระบบน้ำ
- ควรมีระบบกรองจากถังละลายปุ๋ยก่อนส่งผ่านน้ำปุ๋ยที่ละลายไปยังระบบน้ำในแปลง
คําแนะนํา : ควรอ่านคําแนะนําเอกสารกํากับปุ๋ยเคมีให้เข้าใจเสียก่อนหากไม่เข้าใจหรือมีปัญหาสงสัยให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตรในท้องถิ่น เพื่อให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กําหนดเพราะจะเป็นอันตรายกับพืชได้
ข้อควรระวัง
- ก่อนใส่ปุ๋ยเคมี ควรกําจัดวัชพืชให้หมดเสียก่อน เพื่อป้องกันมิให้วัชพืชมาใช้ปุ๋ยเคมีที่ใส่ลงไป
- ควรใส่ปุ๋ยเคมีเมื่อดินมีความชื้นอยู่ เมื่อใส่ปุ๋ ยเคมีควรกลบดิน ในกรณีที่มีการให้นํ้า ควรให้นํ้าน้อย ๆ ก่อน
แล้วจึงเพิ่มให้มากขึ้น ถ้าให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรใส่ปุ๋ ยเคมีแก่พืชในช่วงมีแสงแดดจัด ฝนไม่ตก - ควรหมั่นดูแลป้องกันกําจัดโรคแมลงศัตรูพืชอยู่เสมอ
- ควรเก็บปุ๋ยเคมีในภาชนะที่ปิดมิดชิด อย่าให้ถูกความร้อน แสงแดด และฝน
ขนาดบรรจุ : 25 กิโลกรัม
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย : บริษัท ยารา (ประเทศไทย) จำกัด